วันที่ 5 กุมภา พันธ์ 2566 ที่ห้องประชุมอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล จ.อุดร ธานี ได้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรครวมพลัง โดยมีตัว แทนสาขาพรรคทั้ง 4 ภาคสมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุมประ มาณ 300 คน โดยมีวาระสำคัญคือการเลือกตั้งคณะกรรมบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค โดยมีการตั้งคูหาเลือกตั้ง ให้สมา ชิกกาบัตรและหย่อนบบัตรเลือกตั้ง บรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ก่อนมีประ กาศแต่งตั้ง ดร.ดนุช ตันเทอดทิพย์ เป็นหัวหน้าพรรครวมพลัง นส.กฤตินี รุณแสง เป็นเหรัญญิกพรรคฯ ผศ.วัชรินกร เมขลา เป็นนายทะเบียนพรรค และ นายบุญเกรียรติ การะเวกพันธุ์ นายสัม พันธ์ เย็นสำราญ ผศ.ดร.ศักราช ฟ้าขาว นายกฤษฎา พรรัตนพิทักษ์ เป็นกรรมการบริหารพรรคฯ
ดร.ดนุช ตันเทอดทิพย์ หัวหน้าพรรครวมพลัง เปิดเผยว่า วันนี้ครบวาระในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค เราเลือก จ.อุดรธานี เป็นสถานที่จัดงาน เนื่องจากเป็นจังหวัดบ้านเกิดเของผม ผมทำงานกับพรรคมานาน เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคขึ้นมา ทำ งานกับพรรคมาหลากหลายตำ แหน่ง จนถึงรักษาการณ์หัวหน้าพรรค วันนี้เราได้แสดงพลังถึงการรรวมพลังของสมาชิกภาคอีสาน และจากทั่วประเทศที่เดินทางมา พรรคของเราคือพรรคของคนธรรมดา แต่เป็นพรรคของคนธรรมดาที่จะรวมกันสร้างชาติบ้านเมือง พรรคเรามีกรรมการบริหารพรรคที่เป็นทีมงานจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการศึกษา ในฐานะที่ผมทำงานกับ อว.(กระ ทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) ได้ไปเห็นศักย ภาพในแต่ละตำบลมาแล้วทั้ง 77 จังหวัด ในโครงการ U2T
“ ซึ่งแต่ละพื้นที่มีศักยภาพอย่างมาก มีปราชญ์ชาวบ้าน มีศิลปะ วัฒนธรรม โดยศักยภาพของเขาเหล่านั้นจะต้องถูกยกขึ้น พัฒนาขึ้น ต้องถูกต่อยอด ในการก้าวเข้าสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว นั่นคือเป้าหมายของเรา ในการขับเคลื่อนพรรค หากพรรคได้มีโอกาสเข้ามาบริหารงานอีกครั้ง เราจะทำให้เห็นอีกครั้ง หลังจากที่เราได้ร่วมกันทำงานมานานกว่า 2 ปี ทุกเสียงจากทุกตำบลจะมาผลักดันเราให้มาเป็นตัวแทนของประเทศ เราไม่ได้ทำเฉพาะนโยบาย การนำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยลงไปพัฒนาทุกตำบล เราเปลี่ยนเป็นรูปธรรมได้ เราลงมือทำมาแล้ว นี่คือนโยบายหลักของเรา “
หัวหน้าพรรครวมพลัง เปิดเผยอีกว่า เป้าหมายพรรคเรา ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อการเลือกตั้งอย่างเดียว ครั้งที่ผ่านมาเรามีคนเชื่อมั่นเราอยู่ประมาณ 8 แสนคน เราตั้งเป้าผู้สมัครให้กระจายไปในบางส่วนที่จำเป็น คะแนนเสียงที่จะได้มาเพื่อต้องการรักษาคะแนนเสียงที่เรามีอยู่ พร้อมขยายวงกว้างไปในตำบลที่เราได้ไปทำงาน เราหวังว่าคะแนนเสียงของเราจะไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่เรามี สส.แบบบัญชีรายชื่ออยู่ 5 ท่าน เราจะรักษาตรงนี้ไว้ และหวังว่าจะได้ที่นั่งเพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ทราบรายละเอียดการคิดคะแนนว่าจะออกมารูปแบบไหน เราไม่ได้ตั้งเป้าเลื่อนลอย แต่เรามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในทุกตำบล
“ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลาย เรื่องของสีเสื้อเราพูดกันมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ผมก็ตอบแทนประชาชนทุกคนไม่ได้ แต่เชื่อว่าเราจะหลอมรวมกันได้ เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งไม่อยากให้พูดถึงบ่อยๆ อยากให้พี่น้องชาวไทยรักเมืองไทย ประเทศไทยดีขึ้นทุกวัน องค์ความรู้ดีขึ้นทุกปี ความเป็นอยู่ดีขึ้นทุกปี วิกฤติโควิดเราก็ผ่านกันมาได้ ความต่างความหลอกหลายจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ด้านผู้สมัคร สส.ในพื้นที่ ตอนนี้เราได้มีการเริ่มพูดคุยกันแล้ว แต่เผอิญเป็นช่วงเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก็รอกรรมการชุดใหม่เข้ามาทำงาน เราสาขาพรรคอยู่ทั้ง 4 ภาค ก็จะเป็นตัวแทนเราดูแลในแต่ละภาค ยังต้องรอการแต่งตั้งตัวแทนอีกครั้ง เพื่อที่จะให้ทันตามที่ กกต.กำหนดหรือไม่ และจะเข้ามสู่การสรรหาอีกครั้ง ”
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือลุงกำนัน ที่ปรึกษาพรรค ได้กล่าวบนเวทีว่า ในช่วงหลาย10ปีที่ผ่านมา สถานการ์ปัจจุบันในตอนนี้พวกเรามีความวิตกกังวล ของอนาคตประเทศ ข่าวที่ออกจากสื่อต่างๆ คนที่เข้ามาทำงานการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร มีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีพฤติ การณ์ ทำให้ประชาชนที่รักชาติทำให้กังวลใจ โดยตัวผมเองเป็นผู้แทนราษฎร เกือบ40ปี ติดต่อกันมาทุกสมัย ตอนเข้ามาการเมืองใหม่ๆ ทุกคนที่เข้ามาหน้าศรัทธาเวลาเข้าไปทำงานสภา ก็จะนำปัญหาของพี่น้องประชาชน เอาไปอภิปรายพูดในสภา รวมถึงร่างกฎหมายเก่าและใหม่ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน มากที่สุด เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเข้าใจปัญหาของประชา ชนที่แท้จริง
สำหรับตอนนี้ในสภาไม่ได้เห็นส.ส. แบบนี้แล้ว ประชาชนที่เป็นคอการเมือง เปิดทีวี หรือฟังวิทยุ ในสภาได้มีการพูดจาหยาบคาย รุนแรง ไม่มีเหตุและผล ไม่หน้าฟัง อีกทั้งสภาก็ล้มบ่อย ถึง30-40 หน แต่สมัยของผมเป็น ส.ส. ไม่มีทางที่สภาล้ม แม้แต่ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าย ตั้งใจกันไปทำงานสู้กันในสภา ด้วยเหตุและผล แต่วันนี้ไม่ใช่ โดยมีข่าวว่าการที่จะให้ส.ส. เข้าไปประชุม หรือลงคณะ ในกฎหมายสำคัญ คนที่เป็นเจ้าของฝ่าย เจ้าของกลุ่ม ต้องมีการอัดฉีดเหมือนอัดฉีดนักมวย ที่เศร้าใจมากที่สุดมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ต้องมีการแจกล้วยกัน จึงจะมีการยกมือลงคณะแนนให้ แบบนี้ทำให้คนที่รักชาติรักแผ่นดิน ทำให้เกิดความกังวลใจ เพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่ตัวแทนของประชาชนแล้วหรือไม่พรรค การเมืองของประชาชน ดังนั้นเราคนริเริ่ม จัดตั้งพรรคการเมืองของประชาชน ขึ้นมาให้ได้ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานาน อนาคตข้างหน้าการ เมืองเป็นอย่างนี้ ลูกหลานของเราคงแย่ลำบาก บ้านเมืองมีปัญหาถึงขั้นประเทศชาติเสียงหาย ตั้งแต่ผมพาพี่ประชาชนเดินขบวน แล้วได้ประกาศเอาไว้ ก็จะไม่กลับไปรับสมัครเลือกตั้ง เป็น ส.ส. ไม่คิดกลับไปเอาตำแหน่งทางการเมือง ก็เพราะว่าในการเดินขบวนของประชาชน ที่มีจำนวนมากที่สุด ทุกคนที่มานั้นเพื่อต่อต้าน สิ่งที่นัก การเมืองกำลังทำ คือการออกกฎหมายลบล้างความผิด ให้กับคนที่ทำผิดอาญาแผ่นดินทั้งหลาย เพราะผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรม โดยรัฐต่างๆ ในโลก จะดำรงความเป็นประเทศอยู่ได้นั้น มันต้องมีกฎเกณฑ์กติกา ก็คือกฎหมายดังกล่าว
ลุงกำนัน กล่าวว่า สภาพการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ น่ายินดีที่มีพรรคการเมืองใหม่ๆ เกิดขึ้น แสดงว่ามีคนที่มีความคิดอ่าน รักบ้าน รักเมือง ต้องการที่จะเข้ามาทำงานการเมือง เพื่อช่วยเหลือประเทศชาติรวมตัวกันเป็นพรรค การเมืองโดยหลักการ ถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับประชาชน เจ้าของประเทศ ผู้ซึ่งจะเป็นผู้ตัด สิน ในการใช้สิทธิ์ใช้เสียง ถือว่ามีตัวเลือกให้เลือกมากขึ้น ถ้าเป็นนักช๊อปปิ้งก็ถือว่ามีสินค้าหลากหลายชนิด หลายคุณภาพ ให้พิจารณาตัดสินใจ ถ้าเรามองในแง่ดี
“ ส่วนเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตทางการเมือง ก็อยู่ทีผลการเลือกตั้ง ครั้งนี้ถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย ในใจของประชาชนตนเชื่อว่ากำลังมองไปถึงคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ของประ เทศหลังการเลือกตั้ง ประชาชนคงคิดว่า ใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะทำให้บ้านเมืองผาสุก มีความสงบสุข ประชาชนได้ทำมาหากิน ได้อย่างสะดวก มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น ได้รับการดูแลดีขึ้น ประชาชนคิดเรื่องนี้ ไม่ใช่นักการเมืองพรรคใด ประเทศจะมีความเข้มแข็ง อยู่ที่ผลการเลือกตั้งของประเทศในครั้งนี้ “.
Discussion about this post