ชาวแม่สะเรียง ตั้งป้อม ไม่เอาโรงโม่หิน ประกาศรวมตัวคัดค้าน หลัง อุตสาหกรรมฯ ติดประกาศขอประทานบัตรทำเหมืองแร่

วันที่ 30 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มี ประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เรื่อง ขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ โดยทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้ทำการประกาศให้ทราบทั่วกัน ณ บริเวณ จุดติดป้ายศาลาเอนกประสงค์บ้านโป่งดอยช้าง ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดย ระบุ รายละเอียด บริษัท.เชียงใหม่โรงโม่หิน จำกัด ได้ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่.หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน.เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง .และ รับจดทะเบียนไว้เป็นคำขอที่ 1/2565 มีเนื้อที่ประมาณ 132 ไร่ 97 ตารางวา ตั้งอยู่ในหมู่บ้านที่ 13 ต.บ้านกาศ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งหากประชาชนคนใดมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หรือ มีการเกี่ยวข้องในส่วนได้ส่วนเสีย ให้ดำเนินการทำคำร้องยื่นต่อกลุ่มอุตสาหกรรมพื้นที่ฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใน กำหนด 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ปิดประกาศ ( 24 พฤษภาคม 2566 ) หากพ้นจาก 30 วัน แล้วไม่มีผู้ใด ร้องคัดค้าน กลุ่มอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด จะได้ดำเนินการจัดรับฟัง ความคิดเห็นของชุมชน ตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 ต่อไป

ทั้งนี้ ตัวแทนทั้ง 3 หมู่บ้าน ยืนยันเป็นเสียงเดียวกัน ว่าจะไม่ให้มีโรงโม่เกิดขึ้นในพื้นที่แน่นอน เพราะ เชื่อว่าชาวบ้านจะได้รับผลกระทบในระยะยาว และ ส่งผลถึงลูกหลานในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ได้มีการประกาศเชิญชวนพี่น้องชาวอำเภอแม่สะเรียง ผ่านเฟสบุค รวมตัวกันเพื่อยืนหนังสือคัดค้านการทำโรงโม่หิน ในวันที่ 31 พฤษภา คม 2566 ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง เวลา 14.00 น.

สำหรับพื้นที่การขอประทานบัตร ตามใบอนุญาตขอทำเหมืองแร่อยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง บ้าน
โป่งดอยช้าง ต.บ้านกาศ และบ้านแพะ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน บนเนื้อที่ 132-0-97 ไร่ เป็นพื้นที่ขอประทานบัตร 1/2565 ชนิดแร่หินอุตสาหกรรม ชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมการก่อสร้าง) ซึ่งการลงพื้นที่ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อห่วงใยชาวบ้านในรัศมีการดำเนินการของเหมืองแร่ในรัศมี 500 เมตร โดยทีมงานวิศวกรเมืองแร่ของบริษัทฯ โดยระบุว่าพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่แหล่งหินอุตสาหกรรมตามประ
กาศกระทรวงอุตสาหกรรม ไม่อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ ไม่มีแหล่งโบราณ คดี หรือแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2 และ 3.