ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 8 มิ.ย.66 บริเวณแปลงนาริมทะเลสาบสงขลาฝั่งจังหวัดพัทลุง หลังโรงเรียนวัดปากประ หมูที่ 8 ตำบลลำปำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง นายเด่น เทพกล่ำ เลขานายกองค์ การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง นำชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนวัดปากประ ร่วมกิจกรรมลงแขกดำนา ทำนาริมทะเล ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการดำเนินโครงการส่งเสริมภูมิปัญญาทำนาริมทะเลเพื่อการท่องเที่ยว ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง โดยเจ้าหน้าที่ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุงและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมลงแขกดำนา

นายเด่น เทพกล่ำ เลขานายก อบจ.พัทลุง กล่าวว่า การทำนาทะเลของประชาชนที่อยู่ติดกับทะเลสาบสงขลาหรือทะเลลำปำนั้น เป็นกิจกรรมที่ชาวบ้านทำนาในทะเลสาบต่อเนื่องมานานนับร้อยปี และถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และมีแห่งเดียวในประเทศและอาจจะเป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่ชาวบ้านใช้ภูมิปัญญาทำนาในทะเล โดยที่ไม่ต้องดูแลอะไรมากนัก ปักดำต้นกล้าลงในทะเลแล้ว ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเพราะคลื่นในทะเลก็จะซัดตะกอนขึ้นมาไว้ริมทะเลทำให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นที่ปักดำต้นกล้า และนำในทะเลก็จะมีขึ้นลงเป็ฯบางช่วง ต้นข้าวก็จะปรับตัวไปตามน้ำ หนอนและแมลงที่ติดอยู่กับต้นข้าว เมื่อนำท่วมจนต้นกล้า แมลงก็จะตายลอยไปกับน้ำ ได้เป็นอาหารปลาในทะเล ชาวบ้านก็ไม่ต้องพ่นฉีดยาฆ่าแมลง และหลังจากปักดำต้นกล้าได้ประมาณ 90 วัน ข้าวก็จะสุกเหลืองอร่ามในทะเล ชาวบ้านก็จะเก็บเกี่ยว ได้ผลผลิตไร่ละ 700-800 กิโลกรัม และที่สำคัญการทำนาในทะเลนอกจากประหยัดต้นทุน ได้รับผลผลิตข้าวคุณภาพแล้ว บริเวณพื้นที่ทำนาทะเลยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว จุดเช็คอินที่สำคัญของจังหวัดพัทลุงอีกด้วย
ทางด้านนายสายัณ รักษ์ดำ ประ ธานกลุ่มทำนานทะเลบ้านปากประ กล่าวว่า ภูมิปัญญาทำนานในทะเล เป็นอาชีพที่ตกทอดกันมานานนับร้อยปี ด้ายเหตุที่บ้านปากประหมู่ที่ 8 ต.ลำปำ ตั้งอยู่ระหว่างทะเล สาบและป่าพรุ่ จะหาพื้นที่ทำนานก็ลำบาก เมื่อเห็นว่าช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม น้ำในทะเลลดลง ก็ลองนำต้นกล้าไปปักในทะเลก็ปรากฏว่า ต้นข้าวขึ้นออกงามได้ดี โดยที่ไม่ต้องใช่ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงเหมือนกับทำนาในที่ดอน ปัจจุบันชาวบ้านริมทะเล มีการทำนานทะเลประมาณ 36 ไร่ เนื้อที่ปลูกข้าวจำนวน 69 ไร่

นายสายัณ กล่าวอีกว่า พันธุ์ข้าวที่นำมาปักดำในทะเลนั้น เป็นพันธุ์ข้าว กข.55 ซึ่งทาง อบจ.พัทลุง สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้กับชาวบ้านต่อเนื่องมาหลายปี ซึ่งคาดว่าในอนาคตก็จะมีเกษตรกรริมทะเล สาบให้ความสำคัญหันมาฟื้นฟูพื้นที่ริมทะเลและทำนาในทะเลเพิ่มขึ้นด้วย.
Discussion about this post