
แรงงานไทยในอิสราเอล สั่งญาติที่บุรีรัมย์ ถ้าเป็นห่วงห้ามติดต่อเกรงว่าจะโดนจับสัญญาณได้แล้วจะเป็นอันตราย ทุกคนเฝ้ารอให้กลับเมืองไทย หนี้สินร่วม 2 แสนที่กู้ไปเป็นค่าเดินทาง ค่อยหาใช้ อยู่ที่ไหนไม่ปลอดภัยเท่าเมืองไทย
วันที่ 9 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 74 ม.7 ต.ช่อผกา อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านของนายประมาณ เคนพันค้อ อายุ 35 ปี อีกหนึ่งแรงงานไทยในอิสราเอลที่ยังไม่รู้ชะตากรรม หลังจากเขียนข้อความมาครั้งสุดท้าย ว่า ”ถ้าเป็นห่วงไม่ต้องติดต่อไป”
นางบุญลัอม บุญคำ อายุ 57 ปี พี่สาวคนโตของนายประมาณ กล่าวว่า น้องชายเอาที่ดินของครอบครัวไปจำนองเป็นเงินร่วม 200,000 บาท หวังจะไปหารายได้ที่มากกว่าอยู่เมืองไทย เพิ่งไปได้ประมาณ 2-3 เดือนเท่านั้น หลังทราบข่าวว่ามีสงคราม รู้สึกตกใจมากเกรงว่าน้องจะได้รับอันตราย
ที่ผ่านมาตั้งแต่น้องไปทำงาน จะส่งคลิปการทำ งานส่งมาให้ครอบครัวดูเป็นประจำ หลังจากมีการยิงกันเกิดขึ้น น้องชายก็วีดีโอคอลมาแจ้งสถานการณ์เป็นระยะ แต่มาตกใจและเป็นห่วงมากที่สุดคือเมื่อวานนี้(8 ต.ค.) น้องชายได้โทรมาแจ้งว่าตอนนี้ยังปลอดภัยดี”ถ้าเป็นห่วงไม่ต้องติดต่อมาอีก”เพราะเกรงว่าทหารจะจับสัญญาณโทรศัพท์แล้วจะเป็นอันตราย
ตอนนี้ครอบครัวเป็นห่วงน้องชายมาก อยากจะให้รัฐบาลช่วยนำตัวน้องกลับมาเมืองไทยโดยเร็ว ไม่หวังจะไปขุดทองอีกแล้วเพราะไม่คุ้ม หนี้สินที่ค้างไว้ร่วม 200,000 บาท ค่อยหาเงินที่เมืองไทยใช้หนี้ก็คงจะหมด เพราะอยู่ที่ไหนไม่ปลอดภัยเท่า”เมืองไทย”.
Discussion about this post