เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 6 พฤศจิ กายน 2566 ขณะที่ ร.ต.อ.ชัยโรจน์ ธีระวรรณวัชร์ รอง สว.สอบ สวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นำกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็ได้รับแจ้งว่ามีเหตุหลานชายเมายาบ้าคลั่งอาละวาดใช้ไม้ทุบหัวลุงจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านสี่แจ ต.ผาสุก อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งแล้ว จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.อาทิตย์ จันทา รอง ผกก. สส.นำกำลังชุดสืบสวน สภ.กุมภวา ปี รีบรุดออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพัก ต.ผาสุก อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ที่บริเวณริมถนนข้างบ้านพบร่างของนายปั่น บุญมา อายุ 56 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่ สภาพศพถูกตีด้วยท่อนไม้ที่บริเวณท้ายทอย มีแผลแตกออก ตามลำตัวมีร่องรอยฟกช้ำ และที่หน้าแข้งทั้ง 2 ข้างมีแผลแตก เลือดไหลเต็มพื้น ใกล้กันพบท่อนไม้เหลี่ยม ยาวประ มาณ 1.50 เมตร เส้นผ่าศูนย์ กลาง 4 ซม. เส้นรอบวง 17 ซม. ตกอยู่ ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายบันพิชิต บุญมา หรือชิต หรือเต้ย อายุ 25 ปี หลานคนตาย หลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้าไปในบ้าน โดยมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ได้ช่วยกันปิดล้อมเอาไว้ หลังตำรวจมาถึงได้พูดคุยเจรจาจนยอมออกมามอบตัวในที่สุด

จากการสอบสวน นายบันพิชิตฯ ที่อยู่ในอาการคลุ้มคลั่งให้การสับ สน พร้อมกับยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุใช้ไม้ตีลุงจริง เนื่องจากลุงจะมาฆ่าตนก่อน ตนต้องป้องกันตัว ตนมีควายอยู่ 1 ตัว เป็นตัวผู้ อยากได้ควายของตนคืน เพราะลุงเป็นคนเอาควายของตนไป ลุงจะมาแย่งควาย ก่อนเกิดเหตุทะเลาะกับลุงก่อน ตนจึงเดินเข้ามาเอาไม้ในบ้าน เมื่อลุงเดินตามมาถึงหน้าบ้าน ตนจึงเดินออกมาใช้ไม้ฟาดไปที่ขาก่อน พอลุงจะหนี ตนจึงฟาดไปที่หัว 1 ครั้ง ลุงล้มลงจึงตีไปที่สีข้างแบบไม่ยั้ง จำไม่ได้ว่าตีกี่ครั้ง แต่ไม่ได้ตีแรง กะว่าจะให้แกหมอบเท่านั้น
หลังจากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายบันพิชิตฯ ไปชี้จุดที่วางอาวุธไม้ไว้ในบ้าน ซึ่งพบท่อนไม้อีกท่อนหนึ่งวางพิงไว้กับพนังภายในห้อง ก่อนจะนำตัวไปชี้จุดนายปั่นฯ นอนเสียชีวิต นายบันพิชิตฯ ได้สำนึกผิด ก่อนบอกว่าตนรักลุงมาก และนั่งลงโค้งคำนับศพลุง เนื่องจากถูกใส่กุญแจมือ จึงทำได้เพียงเท่านั้น ท่ามกลางเสียงสาปแช่งของญาติและชาวบ้านที่มุงดูเหตุการณ์ หลังจากนั้นตำรวจจึงรีบควบคุมตัวนายบันพิชิตฯ ขึ้นรถยนต์ชุดสืบสวนไปที่ สภ.กุมภวาปี ทันที เนื่องจากชาวบ้านอยู่ในความโกรธแค้น อาจจะถูกรุมประชาทัณฑ์
น.ส.ยุพิน บุญมา อายุ 50 ปี น้องสาวผู้ตาย และป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ครอบครัวของผู้ตายมีพี่น้อง 8 คน ชาย 5 หญิง 3 นายปั่นฯ เป็นลูกคนที่ 3 ส่วนแม่ของนายบันพิชิตฯ เป็นลูกคนสุดท้อง บ้านหลังที่นายบันพิชิตฯ อยู่เป็นชื่อของแม่ตนซึ่งเป็นยายของนายบันพิชิตฯ แต่ไม่มีคนมาอยู่ด้วย เพราะนายบันพิชิตฯ ติดเสพยาบ้าอย่างหนัก จนมีอาการคลุ้มคลั่งเป็นประจำ ทั้งทุบข้าวของ ทุบบ้าน เผาบ้าน เผาสิ่งของ จนไม่มีใครอยากยุ่งด้วย ญาติหลายคนได้ไปอาศัยอยู่บ้านหลังอื่น ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน
น.ส.ยุพินฯ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่หลานฆ่าลุง เพราะเมายาบ้า อยากฆ่าลุงเท่านั้น ไม่มีเหตุทะเลาะกัน และได้เคยทำร้ายลุงมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อเดือนที่แล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เป็นจุดจบของเรื่องนี้ ก่อนเกิดเหตุ ลุงมักจะมานอนเล่นที่หน้าบ้านหลังที่เกิดเหตุ เนื่อง จากลุงชอบดื่มสุรา เวลาเมาพวกเราก็ไม่อยากให้เดินไปไหน กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อถูกหลานทำร้ายก็บอกให้ลุงระวังตัว อย่าเข้ามาที่บ้านนั้น สังหรณ์ใจไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่ก็มาเกิดเรื่องในที่สุด สำหรับตัวลุงนั่นห่างจากบ้านนี้ไปนาน แต่วันนี้ไม่รู้นึกยังไงเข้ามา เมื่อเช้าก็บอกแล้วว่าอย่าเข้ามา เพราะวันนี้หลานเมายาบ้า หากลุงไม่เข้ามา อาจจะเป็นตาที่ต้องตายก็เป็นได้
ด้าน นางสุชาดา บุญมา อายุ 54 ปี น้องสะใภ้ผู้ตาย กล่าวว่า นายบันพิชิตฯ จะเสพยาทั้งวันทั้งคืน พอเมาก็จะอาละวาดหาเรื่องคนในบ้าน กับคนอื่นที่ไม่ใช่ญาตินายนายบันพิชิตฯ จะไม่กล้าทำอะไร นายบันพิชิตฯ หนีทหารเกณฑ์ ไม่ได้ทำงานอะไร มักจะขอเงินตาไปซื้อยาบ้ามาเสพ หากขอไม่ได้ก็จะอาละวาดทำร้ายร่างกาย ญาติต้องเข้าไปช่วยเหลือ หากเสพยาแล้วจะมีอาการหลอน คลั่งอาละ วาด จำใครก็ไม่ได้ มักจะทำร้ายลุงอยู่เป็นประจำ เคยบอกหลานไปรักษา หลานก็ไม่ยอม มักจะอ้างว่าเป็นตำรวจ ปปส. ไม่ต้องมายุ่ง”
ทางด้าน พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเคยถูกจับในข้อหาเสพยาบ้า และลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ อ.กุมภวาปี เคยถูกจำคุก 2 ปีเศษ พ้นโทษเมื่อปี 2562 ผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุจริง สาเหตุคาดว่ามาจากการเสพยาเสพติดจนมีอาการหลอนและคลั่งอาละ วาด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหานายบันพิชิตฯ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป.
Discussion about this post