เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ที่สหกรณ์กองทุนสวนยางคอคอดกระ จำกัด อ.กระบุรี จ.ระนอง นายเพิก เลิศวังพง ประธานคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นายพิเชษฐ ยอดใชย ประ ธานอนุกรรมการกลั่นกรองและติดตามเรื่องยาง พารา ตามนโยบายปราบปรามยางเถื่อนของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ DSI เจ้าหน้า ที่การยางระนอง ตำรวจระนอง ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สหกรณ์กองทุนสวนยางคอคอดกระ จำกัด ได้เข้าประชุมร่วมกันพร้อมทำการตรวจสอบยางในโกดัง หลังพบข้อมูลหลักฐานเอกสารการซื้อขายยางพาราที่มาจากประเทศเมียนมา ทั้งเรื่องจำนวนยางที่เข้ามามากกว่าความเป็นจริงกับเนื้อ ที่การปลูกยาง ที่จำนำมาขายต่อปี ทั้งเอกสารในการรับซื้อขายยางทั้งจากสมาชิกและผู้ที่มาขายทั่วไป
นายเพิก เปิดเผยหลังจากการประชุมหารือร่วมกันทุกฝ่ายว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งจากส่วนกลางและส่วนจากพื้นที่เข้าทำการตรวจสอบสหกรณ์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ 7 พฤษภาคม 67 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารและข้อมูลการซื้อขายยางพารา ว่ามีการร่วมกันทุจริต มีการนำยาง พาราจากประเทศเมียนมาเข้ามาสวมสิทธิเป็นยางพาราไทยหรือยางพาราของพี่น้องเกษตรกรชาวระนอง
วันนี้ทุกหน่วยได้มาทำความเข้าใจกับสหกรณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทางสหกรณ์ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนในการเข้าให้ข้อมูลทุกอย่าง และทางสหกรณ์เองก็ต้องไม่พยายามที่จะทำ ลายเอกสารหรือหรือหลักฐานต่าง ๆที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องการ หากพบว่าว่าการทำลายหลักฐาน โทษที่อาจจะเบาเพราะความผิดพลาดหรือประ มาทเลินเล่ออาจจะกลายเป็นคดีฟอกเงิน
วันนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดกับทางสหกรณ์หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะต้องรวบ รวมหลักฐานต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง การทำงานของหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นการยาง DSI ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยว จะทำงานเพื่อแก้ไขเรื่องการทุจริต จะทำการสอบสวนทุกฝ่าย ทั้งคนที่นำมาขาย ทั้งในส่วนของสมาชิกและไม่ใช่สมาชิก ตรวจสอบสมุดการซื้อขาย ตรวจสอบยางที่เข้ามาขาย ตรวจสอบผู้รับซื้อยาง ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายยางเข้าสหกรณ์ต้องถูกตรวจหมด คือตรวจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ
เนื่องจากผู้ที่รับซื้ออยางไม่สามารถอ้างได้ว่าไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นยางไทยหรือยางพม่า เรามีเครื่องมือและวิธีการตรวจสอบทางหลักวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องการใช้สมุดสมาชิกหลายสีที่ใช้วนไปวนมาทั้ง ๆที่ยอดขายของแต่ละคนมีอยู่แล้วเมื่อเทียบกับจำนวนยาง จำนวนไร่ที่มี โดยในเดือนที่ผ่านมาสหกรณ์แห่งนี้เพียงแห่งเดียวมีการรับซื้อยางถึง 8 พันตัน เทียบกับปีที่แล้วต้องใช้เวลาทั้งปี จำนวนยางสมาชิกจากเดิมปีละ 4 พันตันเหลือเพียง 2 พันตัน แล้วยางที่เหลือมาจากไหน คงต้องมีคำตอบหากมีการทำ ลายหลักฐานหรือช่วยกันอาจจะต้องใช้ข้อหาหนักคือคดีฟอกเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้รับทราบจาก จนท.ว่า จากเดิมที่จะเข้ามาขายมีปริมาณ5-7 ตันต่อวันแต่วันนี้มีเจ้าหน้าที่ส่วนกลางมาตรวจสอบทำให้มียางเข้ามาเพียง 2 ตันเท่านั้น.
ไพโรจน์ รัตนรัตน์ จังหวัดระนอง
Discussion about this post