
หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม ให้เจ้าหน้าที่เปิดวัดทุกจุด โดยเฉพาะโรงจอดรถโบราณสี่คัน ที่มีประเด็นสอบถามและวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโซเชียล โดยพบว่ายังจอดอยู่ที่เดิมไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปไหนแต่ที่เกิดข้อสงสัยเนื่องจากมีลูกศิษย์มาขอถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกเพราะความชื่นชอบจึงได้ขึ้นรถมาถ่ายในมุมที่สวยจากนั้นก็นำขับกลับมาเก็บไว้ที่เดิมและเป็นรถที่เคยมีประเด็นมานานและมีการแถลงข่าวจบไปแล้ว ขณะที่มีอินฟลูเอ็นเซอร์ ได้มีการโพสต์ข้อมูลและอัดคลิปแจ้งประเด็นว่าในวัดไผ่ล้อมพระปิดกุฎิทั้งหมดไม่มีพระเหลือ พบว่ายังมีการปฎิบัติกิจอยู่เช่นเดิม ส่วนกรณีคำถามว่ามีการใส่ของในลังเหล้า 30 ลังเคลื่อนย้ายออกไป นำภาพมายืนยันประกอบเป็นถังขยะที่เก็บขยะใส่รถพ่วงข้างไปทิ้งตรงข้ามวัดซึ่งเป็นภารกิจที่คณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมทำอยู่ทุกวัน ทั้งนี้พร้อมชี้แจงและตอบคำถามต่างๆทั้งหมดเพื่อคลายความกังวล ขณะที่พบว่าตั้งแต่เช้ามีญาติโยมราว 500 คน ซึ่งเป็นผู้สูงอายุเดินทางเข้ามาเจาะเลือดและตรวจสุขภาพภายในโรงพยาบาลนอกปฐมสาขาวัดไผ่ล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยบางส่วนยังงงว่าเกิดเหตุการณ์กระแสข้อสงสัยได้อย่างไร
วันที่ 18 สิงหาคม 68 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระแสโซเชียล เพจ “ท่านเปา” ซึ่งได้มีการลงข้อความว่า “วัดไผ่ล้อมนครปฐม ขนรถโบราณออกไปไหนเอ่ย” ซึ่งหลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าวลงมาตั้งแต่ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ก็ได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวางถึงข้อสงสัยในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งต่อมาได้มีผู้ใช้สื่อโซเชียลที่ชื่อว่า Riff x กระบอกเสียง ประชาชน ได้มีการออกมาอัดคลิปแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อนโดยได้ตั้งปมและข้อสงสัยว่าวัดไผ่ล้อมนครปฐมมีการขนรถโบราณหลาย 10 คันออกจากวัดและที่กุฎิพระปิดเงียบไม่มีพระอาศัยอยู่แล้วโดยยังมีข้อสงสัยจากคนวงในของเพจบิ๊กเกรียน ว่ามีการขนของใส่ลังเหล้าจำนวน 30 ลังออกไปจากวัด และได้บอกว่าวัดไผ่ล้อมที่อยู่จังหวัดนครปฐมความร่ำรวยระยะ 30 ปีมีเงินหมุนเวียนนับหมื่นล้านบาท ซึ่งกระแสดังกล่าวยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและมี การสอบถามเข้ามาที่วัดไผ่ล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นช่วงขณะที่มีการตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุเกี่ยวกับเงินบริจาคตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา
โดยในช่วงเช้าผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามบรรยากาศบริเวณหน้าวัดและภายในวัดดังกล่าว และสอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่าพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม ไม่อยู่วัดตั้งแต่ ช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยได้ออกไปปฏิบัติกิจในการนำเตียงผู้ป่วยไปมอบให้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตและนอนติดเตียงที่อำเภอจอมบึงจังหวัดราชบุรี ตามโครงการธนาคารและรถวีลแชร์วัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าไปดูบริเวณโรงจอดรถซึ่งอยู่ด้านหลังฌาปนสถานของวัดโดยพบรถยนต์โบราณจำนวนสี่คันจอดรวมอยู่กับรถที่ใช้งานของวัด โดยเป็นรถเชฟโรเลตสีน้ำตาลหนึ่งคัน สีเขียวหนึ่งคัน สีส้มหนึ่งคัน ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นรถแพนเทอร์เปิดประทุนสีดำ จอดอยู่ในห้องกระจกถัดไปประมาณ 20 เมตร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ
ขณะที่บริเวณด้านหน้าวัดได้มีญาติโยมผู้สูงวัยได้เดินทางเข้ามาเจาะเลือดและตรวจอาการป่วยที่บริเวณปวดเก่าซึ่งเปิดให้เป็นสถานที่ในการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลนครปฐมสาขาวัดไผ่ล้อม อย่างต่อเนื่องซึ่งมีเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล มาดำเนินการตั้งแต่ช่วงเช้า โดยเหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างปกติ
สอบถามเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่า รถโบราณ ทั้งหมดที่มีกระแสในโลกโซเชียล ยังคงอยู่ที่เดิมในโรงจอดรถ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีลูกศิษย์ของหลวงพี่น้ำฝนได้เข้ามาขอถ่ายรูปเก็บไว้เนื่องจากเป็นคนที่ชื่นชอบรถโบราณหลวงพี่ท่านจึงอนุญาตให้นำมาจอดถ่ายได้ที่ลานน้ำตกตรงด้านหน้าของวัดจากนั้นก็ได้เคลื่อนไปถ่ายที่บริเวณหน้าอาคารศูนย์ไตเทียม ซึ่งอยู่ตรงข้ามฝั่งของวัดโดยมีภาพวงจรปิดประกอบว่าได้ขับออกไปไม่นานแล้วก็ขับเคลื่อนกลับมาจอดไว้ที่เดิมหลังจากมีการถ่ายภาพเสร็จแล้วไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายไปไหน
ส่วนกรณีที่มีคนพูดในโซเชียลว่ามีการขนของใส่ลังเหล้าจำนวน 30 ลัง เรื่องนี้น่าจะเป็นความเข้าใจผิดเพราะจากที่ปรากฏลังที่ขนน่าจะเป็นภาพคณะสงฆ์ของวัดไผ่ล้อมที่จะมีการทำความสะอาดวัดทุกวันและมีการเก็บขยะรวมถึงเศษใบไม้ในพื้นที่รวมของวัดซึ่งจะมีพื้นที่จุดที่เป็นโรงพยาบาลนครปฐมสาขาวัดไผ่ล้อมอยู่ตรงนั้นโดยจะนำเอาขยะใส่ถังสีเขียวแล้วใส่รถพ่วงหลังจักรยานยนต์ขับขี่นำไปทิ้งไว้บริเวณตรงกันข้ามวัดหน้าอาคารศูนย์ ไตเทียมเช่นกันก็น่าจะเป็นช่วงระยะเวลาเดียวกันกับที่มีการเคลื่อนออกไปถ่ายภาพซึ่งกิจกรรมนี้ก็จะเป็นภารกิจหลักที่มีการทำงานกันอยู่ทุกวันแล้ว
นอกจากนี้รถโบราณทั้งสี่คันก็เป็นรถคันเดิมที่เคยเป็นข่าวและมีกระแสพูดถึงวัดไผ่ล้อมมาหลายครั้งโดยรถทั้งสี่คันปกติจะจอดอยู่ที่โรงจอดรถซึ่งก็จะมีบ่อยครั้งที่ลูกศิษย์ลูกค้าและญาติโยมจะขอมายืมไปใช้ในขบวนแห่ หน้าเข้าโบสถ์ให้เกิดความสวยงาม หรือบางครั้งถ้าวัดมีงานก็จะมีการนำมาจอดโชว์ให้ญาติโยมได้ถ่ายภาพ เนื่องจากวัดไผ่ล้อมได้ถูก จัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาก็จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวอีกจำนวน จึงได้นำรถเหล่านี้มาเปิดให้ญาติโยมได้ถ่ายภาพเป็นครั้งคราว ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกปีรถเหล่านี้ก็จะมีการนำรูปหล่อของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพูล อดีตเจ้าอาวาสแห่ไปรอบตัวเมืองในช่วงเทศกาลสงกรานต์เพื่อให้ญาติโยมได้ส่งน้ำพระแต่ช่วงหลังที่มีการเกิดวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด จึงได้ยุติกิจกรรมไปแต่ก็จะมี คนมาหยิบยืมรถดังกล่าวไปจากกิจกรรมเช่นเรื่องการท่องเที่ยวของจังหวัดนครปฐมบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นและได้มีการแถลงข่าวชี้แจงทุกข้อไปหมดแล้วไม่ทราบว่าคนที่มีการโพสต์ข้อความและพูดถึงกระแสดังกล่าวมีนัยยะหรือมีข้อสงสัยอะไร
ซึ่งวันนี้ทางหลวงพี่น้ำฝนได้แจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ว่าให้เปิดโอกาสให้กับสื่อมวลชนได้มีการบันทึกภาพในทุก. ของวัดโดยเฉพาะโรงจอดรถและตัวรถที่จอดอยู่รวมถึงข้อสงสัยต่างๆซึ่งแม้ท่านจะติดภารกิจอยู่แต่ให้เจ้าหน้าที่พร้อมให้ข้อมูลได้ตลอดหากมีข้อสงสัย ซึ่งอาจจะมีการเข้าใจผิดระหว่างคำว่ารถหรู ซึ่งหมายถึงรถสปอร์ตรถราคาแพง หรือรถซุปเปอร์คาร์ แต่รถที่วัดไผ่ล้อมเป็นรถโบราณ ซึ่งปกติก็จะไม่ค่อยมีใครได้ใช้แล้วแต่ได้มีลูกศิษย์ลูกค้าไปบูรณะและซ่อมแซมให้ใช้งานได้ แต่ก็ถูกจอดเอาไว้เพิ่งจะเริ่มมีการขยับมาถ่ายรูปเมื่อวานก็เป็นประเด็นขึ้นมานั่นเอง

นครปฐม หลวงพี่น้ำฝนแจ้งชัดรถอยู่ครบ พระอยู่ครบ
ย้ำชัดไม่โกรธใครต้องใช้ความดีทำหน้าที่ให้สมบูรณ์
หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง ให้สัมภาษณ์สื่อตอบชัดเจนรถโบราณอยู่ครบเพียงแค่เคลื่อนไปถ่ายรูปสอง. ใช้เวลาไม่นานแล้วกลับมาจอดที่เดิม พูดชัดตัวเองเป็นพระเสียงดังอาจจะไม่ถูกใจโยมแต่ทุกวันนี้เดินหน้าทำงานด้านสังคมเต็มที่ กระแสวิจารณ์ไม่มีสิทธิ์โกรธเพียงแต่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดสร้างความเชื่อมั่นให้ญาติโยม ขณะไวยาวัจกรตรวจข้อมูลพบอินฟลูเอ็นเซอร์ ไม่ได้ตั้งคำถามชวนสงสัยแต่ตั้งประเด็นให้เกิดการโจมตีไวยาวัจกร จ่อแจ้งความดำเนินคดีพร้อมคอมเม้นต์เกรียนที่เข้าข่าย
วันที่ 18 สิงหาคม 68 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมพระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม นำคณะสงฆ์ กลับจากโครงการมอบเตียงและรถแชร์ให้กับผู้ป่วย ที่อำเภอจอมบึงจังหวัดราชบุรีตอบคำถามสื่อปมโซเชียล ตั้งคำถามเคลื่อนย้ายรถหรู ออกจากวัดเมื่อวานนี้ จนมีกระแสวิจารณ์หนักและเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีหลายฝ่ายให้ความสนใจและติดตามข้อมูลท่ามกลางกระแส วงการสงฆ์ที่มีประเด็นอยู่ในสังคมหลายเรื่องในขณะนี้
หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า เรื่องรถดังกล่าว เป็นรถที่จอดอยู่ที่วัดไผ่ล้อมมาเป็น 10 ปีแล้ว เพียงแต่เมื่อวานนี้มีโยมเดินมาถามถึงเรื่องรถดังกล่าวและขอถ่ายภาพจึงบอกให้เอาออกมาถ่ายบริเวณหน้าร้านน้ำตก จากนั้นก็ได้ ไปจอดไว้ที่หน้าอาคารศูนย์ไตเทียมวัดไผ่ล้อม เพียงแค่ประมาณ 30 นาทีก็ทยอยขับกลับมา โดยเป็นพนักงานขับรถของวัดเป็นผู้ขับออกไปที่นั่น ไม่คิดว่าจะเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา และรถดังกล่าวทั้งหมด ก็ไม่ได้เป็นรถหรูแต่เป็นรถโบราณที่มีอายุมากกว่าอาตมาซึ่งเป็นรถที่มีลูกศิษย์มาถวาย โดยยังมีรถจักรยานยนต์เก่าตั้งแต่ยุคแปดศูนย์จอดอยู่ด้านหลังของวัดด้วย
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวต่อว่า ปกติ วัดไผ่ล้อมจะมีการเปิดประตูตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้าเนื่องจากจะมีโยมเข้ามาที่โรงพยาบาลนครปฐมสาขาวัดไผ่ล้อม เพื่อเจาะเลือดและตรวจร่างกาย และปกติตอนนี้พระที่วัดมีจำนวน 40 รูปเป็นพระใหม่ที่บวชพรรษานี้ 17 รูป และพระเก่า 23 รูป ก็ยังอยู่กันครบส่วนประเด็นว่ามีการขนของใส่กล่องจำนวน 30 กล่อง น่าจะเป็นช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเศษที่เป็นจังหวะที่มีการถ่าย ภาพรถ และมีคณะสงฆ์ขับขี่รถจักรยานยนต์พ่วงหลังโดยมีถังขยะอยู่ที่ด้านท้ายจะนำขยะไปทิ้งบริเวณฝั่งตรงข้ามก็คือที่บริเวณด้านหน้าอาคารศูนย์ไตเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีคำถามว่ากังวลใจกับเรื่องดังกล่าวหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่กังวลใจเพราะถือว่าคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมทำงานอยู่ในกรอบและทำงาน เป็นลักษณะของคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐมในการทำงานด้านสาธารณะสงเคราะห์ และศึกษาสงเคราะห์ ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมเปิดศูนย์ไตรเทียมวัดไผ่ล้อม ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ให้กับญาติโยมได้อย่างมหาศาลมหา และชัดเจนว่าวัดไผ่ล้อมไม่ได้มีการเปิดรับบริจาคแต่อย่างใด
หลวงพี่น้ำฝน กล่าวอีกว่า ตอนนี้พระพุทธศาสนาก็ดูจะย่ำแย่แล้ว ซึ่งสิ่งที่มีการพูดถึงกระแสดังกล่าวในทางไม่ดีของวัดไปล้อมอาตมาก็ได้แต่ปลงและทำใจ ก็ไม่คิดจะไปแก้ตัวอะไร สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็คือการทำความดีเพื่อแสดงความชัดเจนให้ญาติโยมได้เห็น และพิสูจน์ตัวเองซึ่งอาตมาก็ได้กำชับคณะสงฆ์ว่าเราจะต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบอยู่ในระเบียบวินัยเพราะ วัดไผ่ล้อมได้รับ พระกรุณาโปรดเกล้าให้เป็นวัดพระอารามหลวง การปฏิบัติตนของคณะสงฆ์จึงจะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและทำอย่างจริงจัง
“สำหรับประเด็นที่มีผู้สื่อข่าวถามอาตมาว่ารู้สึกโกรธเรื่องนี้หรือไม่ อาตมาก็บอกได้ว่าอาตมาเข้าใจตัวเองดีว่าเป็นพระที่พูดเสียงดังพูดไม่เพราะ แต่อาตมาก็ใช้หัวใจในการทำงานอย่างเต็มที่ภาพภายนอกอาจจะดูแล้วไม่ชอบใจแต่อาจจะมาก็ทำอะไรก็จะใช้หลักการทำด้วยเหตุผล และย้ำกับตัวเองและคณะสงฆ์ว่าเราต้องอยู่ให้วัดอาศัย ไม่ใช่ไปอาศัยให้วัดอยู่ ส่วนใครจะมองไม่ดีเราก็แก้ตัวไม่ได้เราก็ก็มีหน้าที่ทำดีให้เขาดู และเรื่องนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธใครแต่อยากจะบอกโยมว่าหากจะเสพสื่อทางด้านโซเชียล จำเป็นจะต้องมีการพิจารณาให้มากขึ้นให้ถ้วนถี่มากขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหา ส่วนโยมมาถามว่าคนที่ให้ข่าวและโจมตีจะมีการดำเนินคดีหรือไม่อาตมามองว่าส่วนตัวนั้นไม่คิดแต่ก็อยู่ที่คณะทำงานของวัดว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรอันนั้นอาตมาก็ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ตามกระบวนการจะไม่ไปสั่งการก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคณะทำงานและไวยาวัจกร วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง ว่ากรณีที่เพจดังและมีอินฟลูเอ็นเซอร์บางคนได้มีการแสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดลักษณะเหมือนสร้างความขัดข้องใจหรือจัดทัวร์มาลง ว่าจะมีการดำเนินคดีกับใครบ้างหรืออย่างไรซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งกลับมาว่ามีบางคนที่ออกมาพูดชัดเจนเข้าข่ายหมิ่นประมาททางคอมพิวเตอร์ และมีหลายคอมเม้นต์ที่เข้าข่ายซึ่งในส่วนหลวงพี่น้ำฝนอาจจะไม่ดำเนินคดีแต่ทางไวยกรเห็นว่าจะต้องมีการติดตามดำเนินคดีเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและสร้างความเป็นธรรมให้กับวัดไผ่ล้อมซึ่งมีลูกศิษย์ลูกค้าแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้ด้วย
ภาพ/ข่าว กิตติพงษ์ จันทร์ละมูล ผู้สื่อข่าว จ.นครปฐม