วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม รศ.ดร.วีระพล ทองมา อธิการบดีมหาวิท ยาลัยแม่โจ้ แถลงข่าวการประชุมวิชาการและนิทรรศการ ครั้งที่ 12 ทรัพยากรไทย : หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน The 12th Academic Conference and Exhibition on Thai Resources: Thai Treasures Through Time. วันที่ 4-10 พฤศจิกายน 2568 รวม 7 วัน พร้อมเชิญชวนประชาชนเฝ้าฯ รับเสด็จสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสเสด็พระราชดำเนินเป็น การส่วนพระองค์ เพื่อทรงเปิดการประชุมดังกล่าว ในวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายนนี้เวลา 09.30 น. ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เทิดพระเกียรติในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม พรรษา 70 พรรษาสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2) เปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชน นักวิชาการ ภาคเอกชน และผู้กำหนดนโยบายได้ตระหนักถึงคุณค่าและศักยภาพของทรัพ ยากรไทย ผ่านแนวคิด “หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน” เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างสร้างสรรค์ และยั่งยืน 3) เฉลิมฉลองในโอกาสที่มหาวิทยาลัยครบรอบ 90 ปี อันเป็นหมุดหมายแห่งความภาคภูมิใจและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ภายในงาน มีจัดนิทรรศการพิเศษ “หวนดูทรัพย์สิ่งสินตน อพ.สธ. มหาวิทยาลัยแม่โจ้” ภายใต้แนว
คิด “รากแก้วมั่นคงมั่งคั่ง” สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยด้านการเกษตรที่เก่าแก่และมั่นคงของไทย ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2477 จากโรงเรียนครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ จนพัฒนาเป็นมหาวิท ยาลัยในปัจจุบัน
นายชัชวาลย์ กล่าวว่า งานดังกล่าวเป็นของช่างเชียงใหม่ทุกคน ที่ทุกภาคส่วนรวมพลังจัดงานเพื่อเทิดพระเกียรติ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่าน ได้พระราชทานตั้งหัวข้อการประชุมวิชาการดังกล่าวนับเป็นความปลื้มปิติของชาวเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยซึ่งจังหวัดพร้อมรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่งานดังกล่าว โดยมีห้องพักรองรับกว่า 50,000 ห้อง ช่วงดังกล่าว คาดมีนักท่องเที่ยวเฉลี่ย20,000 คน/วัน เนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยวเชียงใหม่ หรือไฮซีซั่นและอากาศหนาว ที่นักท่องเที่ยวอยากสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตขุมขน ซึ่งเชียงใหม่มีรายได้จากท่องเที่ยวกว่า 70%
รศ.ดร.วีระพล กล่าวว่า มหาวิทยา ลัยยังดำเนินงานสืบสานพระราชปณิธานในโครงการพระราชดำริโดยเฉพาะ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจาก
พระราชดำริฯ (อพ.สธ.) ซึ่งได้จัดตั้ง ศูนย์ประสานงาน อพ.สธ. –มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ทำหน้าที่เป็น “ขุมคลังปัญญาคู่ผืนถิ่น” ประสานงานและพัฒนาบุคลากร พร้อมจัดเก็บข้อมูลฐานทรัพยากรท้องถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่ แพร่ น่าน และชุมพร
กว่า 3 ทศวรรษของการดำเนินงาน (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537) มหาวิทยาลัยได้สั่งสมองค์ความรู้ด้านการวิจัยและบริการวิชาการ และได้นำเสนอผลงานเด่นภายใต้หัวข้อ “ของขวัญล้ำค่าจากแผ่นดิน” ได้แก่ เอื้องคำ – สารสายใยให้คุณค่า เพาะพันธุ์เพาะภูมิปัญญา ผลิบานสร้างคุณค่าสู่มหาชน เห็ด – จากป่าท้องถิ่นไทย สู่การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน แตงไทย – รักษ์พืช รักษ์พันธุ์ คัดสรรสู่แผ่นดิน พุทธศิลป์ล้านนา – จากลายพันธุ์สู่พันลาย
สู่งานนวัตกรรมสร้างสรรค์มะเกี๋ยง – ผลไม้ไทยอันเป็นที่หนึ่ง หวนดูอดีต ศึกษาปัจจุบันเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืน ส่วนวิทยาเขตชุมพร – มีความหลากหลายของทรัพยากรจากยอดเขาถึงใต้ทะเล
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้ขับเคลื่อนแนวทาง “คาร์บอนคลีนอย่างยั่งยืน” ตามแผนแม่บท อพ.สธ. ระยะที่ 8 (พ.ศ. 2570–2574) ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “IWA : การเกษตรอัจฉริยะเพื่อสุขภาวะที่ยั่งยืน” โดยผลการวิจัยชี้ว่า มหาวิทยาลัยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 84,750 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ขณะเดียวกันสามารถดูดซับคาร์บอนได้จากป่าไม้และพื้นที่สีเขียวมากถึง 88,996.56 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สะท้อนศักยภาพในการก้าวสู่สังคมคาร์บอนสมดุลอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ภายในงานยังประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การ ประชุมวิชาการและนิทรรศการงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 98 แห่ง การประชุมและนิทรรศ การ งานฐานทรัพยากรท้องถิ่น 38 หน่วยงาน นิทรรศการหน่วยงานสนองพระราชดำริฯ 126 หน่วยงาน การประชุมชมรมคณะ ปฏิบัติงานวิทยาการ อพ.สธ.แปลงสาธิตและฐานการเรียนรู้ด้านการเกษตร
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ “งานเกษตรแม่โจ้” มหกรรมต้นไม้ ผลิตภัณฑ์เกษตร สินค้าชุมชน ร้านอาหาร และการแสดงศิลปวัฒนธรรม จากสถานศึกษาและศิลปินรับเชิญ ตลอด 7 วัน 7 คืนด้วย เพื่อสร้างงาน กระจายราย
ได้สู่ท้องถิ่น และชุมชนด้วย คาดมีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท



































