รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัยของแม่ฮ่องสอน รับจะเร่งเยียวยาและให้ทุกหน่วยเข้าร่วมแก้ไขอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัญหาทางการเมืองจะเปลี่ยนไปทางขั้วใดแต่การแก้ไขปัญหาของชาวบ้านยังต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ช่วงสายของวันนี้ (วันที่ 31 สิงหาคม 2568) อรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้งในพื้นที่ของหมู่ที่ 1 และ 12 ตำบลห้วยโป่งและที่พื้นที่ของตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายเอกวิทย์ พีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนพร้อมทุกหน่วยงาน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การต้อนรับและรายงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมพบกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนและรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาความเดือดร้อนเบื้องต้น ที่ชาวบ้านเรียกร้องอย่างเร่งด่วนก็คือต้องการความช่วยเหลือด้านการประกอบอาชีพระยะสั้น การพลิกฟื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกิน รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการประกอบอาชีพ บ้านเรือน สัตว์เลี้ยง ที่สูญหายไปกับกระแสน้ำทั้งหมด

สรุปสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได่รับผลกระทบจากอิทธิพลจากพายุ “คาจิกิ” เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ 2 อำเภอ 10 ตำบล 56 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สูญหาย 2 ราย รวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ 27 ตำบล 108 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 5,485 คน 1,567 ครัวเรือน รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานได้แก่ ไฟฟ้า ประปา ระบบสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาด เส้นทางคอสะพานขาดในพื้นที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 มีดินทับถมกีดขวาง การจราจร โรงเรียนได้รับผลกระทบ จำนวน 1 โรง สำหรับพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบ ด้านพืช เกษตรกร 647 ราย พื้นที่ได้รับความเสียหาย 2,169 ไร่ แบ่งเป็นนาข้าว 1,838 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 331 ไร่ ประมาณความเสียหาย 3,118,300 บาท ด้านประมง เกษตรกรได้รับผลกระทบ 5 ราย มีบ่อเลี้ยงปลาได้รับความเสียหาย 7 บ่อ พื้นที่ 2 ไร่ 80 ตารางเมตร ประมาณความเสียหาย 38,804 บาท ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรได้รับผลกระทบ 3 ราย มีสัตว์ที่ตายและสูญหาย 514 ตัว ในเบื้องต้นได้ให้การ ช่วยเหลือมอบพืชอาหารสัตว์สำหรับโค-กระบือ จำนวน 600 กิโลกรัม รวมถึงดูแลสุขภาพสัตว์
สำหรับสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) ที่ทำการติดตั้งตรงจุดเส้นทางตัดขาดในทางหลวงหมายเลข 108 ที่บ้านห้วยโป่งนั้น จนถึงขณะนี้ได้เปิดให้รถทุกชนิดผ่านได้แล้วและกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะรถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 21 ตันเท่านั้น ที่จะผ่านได้ ซึ่งเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนไปได้ในระดับหนึ่ง แต่จะต้องให้ผ่านได้เพียงครั้งละ 1 เลน
ด้านนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดแล้ว ว่า ทราบถึงความเดือดร้อนของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนและสถานการณ์ทางการเมืองทุกอย่างก็ยังไม่แน่นอน แต่ที่แน่ๆ ยังมีชาวแม่ฮ่องสอนและอีกหลายจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุที่เข้ามา จากการลงพื้นที่ก็รับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างมากมายและทราบจากทาง สส.ในพื้นที่แม่ฮ่องสอนและจากผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมถึงหน่วยงานจากทุกกระทรวงที่ลงพื้นที่อยู่ในขณะนี้มีการทำงานร่วมกัน โดยเน้นการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะกลางให้กับชาวบ้านอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเมื่อเช้านี้ได้ประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุขขอสนับสนุนยาสามัญประจำบ้าน เพราะในพื้นที่กำลังขาดแคลน ตอนนี้กำลังประสานการส่งเพื่อมาแก้ไขปัญหาให้กับชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังหรือมีสิ่งกีดขวางในพื้นที่บ้านเรือนและชุมชนนั้น ให้ทุกหน่วยงานระดมเครื่องมือเครื่องจักรเข้าแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด ส่วนปัญหาของสะพานพังที่บริเวณบ้านห้วยโป่งก็ทราบว่าทางกระทรวงคมนาคมได้เข้ามาแก้ไขเป็นสะพานชั่วคราวไปก่อน หากสถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วจึงจะดำเนินการเรื่องการก่อสร้างสาพนใหม่ขึ้นมาทดแทน ทั้งนี้ก็ต้องขอแสดงความเสียกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วย แต่ทราบว่าทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเองก็มีแผนรองรับในการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูอยู่แล้วและขอให้เราผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ส่วนพื้นที่อื่นๆ รวมถึงแหล่งเก็บกักน้ำที่ได้รับความเสียหายนั้นก็ต้องลงพื้นที่ตรวจสอบกันอีกครั้งว่าจะต้องแก้ไขปัญหากันอย่างไร สำหรับความผันผวนหรือการเปลี่ยนแปลงทางเมืองในขณะนี้นั้นจนเองเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหากับการแก้ไขปัญหาทุกๆ อย่าง โดยเฉพาะทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้นมีความชัดเจนมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยของร้อยเอกธรรมนัสแล้วว่าสิ่งที่ไม่แน่นอนของการเมืองก็ว่ากันไป แต่เราก็ต้องทำงานทุกวัน ซึ่งเชื่อว่าในทางปฏิบัติไม่น่ามีปัญหาอะไร เราจะอยู่หรือไม่อยู่ก็จะต้องมีคนมาสานงานและเข้ามาแก้ไขปัญหากันต่อไป ส่วนการดิวกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชนนั้นตนเองไม่ทราบ เพราะตอนนี้อยู่แม่ฮ่องสอน ส่วนการจะไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น พรรคกล้าธรรมได้มีมติพรรคไปแล้ว
วิรัตน์ นันทะพรพิบูลย์ จ.แม่ฮ่องสอน